786 BE การปรากฏตัวครั้งแรกของเทพทั้งหก/การกำเนิดของมนุษย์

786 BE การปรากฏตัวครั้งแรกของเทพทั้งหก/การกำเนิดของมนุษย์

วิหารของเทพทั้งหก ในเมือง Divinity's Reach

ก่อนการมาเยือน

ก่อนการมาเยือนของเทพนั้น ไม่มีใครล่วงรู้ถึงประวัติศาตร์ว่าพวกเขาเป็นใครมาจากไหน เมื่อเทพทั้งหกได้ลงมาปรากฏตัวครั้งแรกบนทีเรียซึ่งได้แก่ : ดเวย์นา,บาลธาซา,เมอแลนดรู,ลิซซา,อแบดดอน และดูม.
เมอแลนดรูนั้นได้ชื่อว่าเป็นเทพที่อาวุโสที่สุดแม้ว่าดเวย์น่าจะถูกมองว่าเป็นผู้นำกลุ่มของเทพอยู่เสมอ

คัมภีร์ของ Orrian อยู่ใน Malchor's Leap เขต Ruins of Orr


พวกเทพนั้น(โดยเฉพาะดเวย์นา) ได้นำพามนุษยชาติ เผ่าพันธ์มนุษย์ จากที่อื่นมายังโลกทีเรีย ในคัมภีร์ของออเรียน(พบได้ในแผนที่ Ruins of Orr) ได้กล่าวถึงดเวย์นาว่า"สิ่งที่เธอนำพามาด้วยนั้น จะทำให้โลกแห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์" และ "ตามที่เธอสัญญาไว้ว่า ดเวย์นาจะนำพาอาณาประชาราษฎร์สู่ความสันติภาพ"
นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเทพธิดาดเวย์นาได้รับความชื่นชอบ นับถือ และศรัทธาในมวลหมู่มนุษย์อย่างมาก เรียกอีกอย่างว่าเป็นเทพองค์โปรดของเหล่ามนุษย์ก็ได้
ที่เธอได้นำเผ่าพันธ์มนุษย์มายังทีเรียนั้นเพราะเธอได้ทำสัญญาบางอย่างไว้ และที่ๆเธอนำมนุษย์มานั้นไม่ใช่ที่ๆสงบสุขสักเท่าไหร่ ข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรไม่อาจทราบได้เพราะไม่มีบันทึกหลงเหลืออยู่ อาจจะเป็นเพราะเทพธิดาอีกองค์ ลิซซา

รูปสลักเทพธิดาฝาแฝดแห่งความงาม Lyssa

มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ฉบับหนึ่งว่า "ลิซซาได้นำความหวังและความงามมอบให้มวลมนุษย์ ในขณะที่เทพองค์อื่นต่างมุ่งเน้นไปที่การสร้างวิหาร เมืองอาราห์ และเริ่มยุคสมัยใหม่ ลิซซาได้มอบความสุขให้แก่ผู้คนและช่วยให้พวกเขาลืมอดีตที่เลวร้าย"

รูปสลักของเทพธิดา Dwayna

ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าพวกเทพนั้น สร้างวิหารแห่งเทพได้อย่างไร มีความสัมพันธ์ต่อกันระหว่างเทพแบบไหน และรู้ขอบเขตพลังของตัวเองได้อย่างไร สิ่งที่รู้โดยทั่วไปคือหลังจากการมาถึงของเหล่าเทพ

หลังการมาเยือนของเหล่าเทพ ได้มีเทพกำเนิดใหม่ขึ้นสององค์ด้วยกัน ได้แก่ เกร็นธ และ โคเมีย

เกร็นธคือเทพองค์แรกที่เกิดในทีเรีย เป็นบุตรของเทพธิดาดเวย์นาและมนุษย์ผู้หนึ่ง เกร็นธได้รับความช่วยเหลือจากรีปเปอร์ทั้ง7ในการปราบดูม และเกร็นธก็ได้ขึ้นมาแทนที่ดูมกลายเป็นเทพแห่งความมืด ความตาย และน้ำแข็งองค์ใหม่
โคเมีย ครั้งหนึ่งเธอเป็นเพียงแค่มนุษย์ ดำรงค์ตำแหน่งจอมพลหอกในภาคีซันสเปียร์แห่งทวีปอีโลนา  เธอได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าเทพ จากคนธรรมดา จนได้ขึ้นมาเป็นเทพหลังจากเหตุการณ์ การร่วงหล่นของเทพอแบดดอน

รูปสลักของเทพธิดาแห่งจิตวิญญาณ Komir

พวกเทพไม่ค่อยเปิดเผยตัวว่านั้นช่วยเหลือมนุษย์อย่างไรบ้าง, ในกรณีของโคเมียนั้น ไม่มีบันทึกที่ชัดเจน มีแต่เพียงคำบอกเล่าว่าเทพให้พลังแก่เธอในขณะที่ยังเป็นเพียงคนธรรมดา ซึ่งทำให้เธอสามารถดูดซับพลังของอแบดดอนตอนที่เขาถูกปราบและขับไล่ออกไป
อย่างไรก็ตาม ดูหมือนว่าพวกเทพนั้นพึงพอใจที่ได้ให้พรแก่มนุษย์ธรรมดาเลื่อนฐานะเป็นเทพอยู่บนวิหาร และแทนที่ตำแหน่งของอแบดดอน กลายเป็นผู้ปกป้องความลับของทวยเทพองค์ใหม่

การมาเยือนของเหล่าทวยเทพ

วันที่เหล่าเทพได้ปรากฏตัวมาบนทีเรียยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน บางตำราก็บอกว่าการมาเยือนองค์เทพเกิดขึ้นทีหลังบันทึกแห่งรูบิคอน (บันทึกปรัมปราที่เขียนโดยคนแคระผู้ยิ่งใหญ่ เป็นบันทึกว่าพวกคนแคระสร้างเทพขึ้นมาอย่างไร และบันทึกสงครามระหว่างคนแคระและศัตรูคู่อาฆาต The Great Destroyer)
ในตำนานของมนุษย์กล่าวว่า กลินท์ คือสิ่งมีชีวิตตัวแรกที่ถูกสร้างโดยพระเจ้า กลินท์ได้เล่าให้พวกเดสทินีเอดจ์(Destiny's Edge) ในปี 1320 A.E. ว่า เมื่อสามพันปีก่อน เธอถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์ของโลกนี้ และตำนานยังกล่าวอีกว่า ฟอก็อทเทน (The Forgotten เผ่าพันธ์เซอเพนท์โบราณ ครึ่งบนเหมือนมนุษย์ มี4แขน แต่ครึ่งล่างเป็นงู)
ได้ลงมายังทีเรียในปี 1769 B.E. เพื่อช่วยกลินท์ และมนุษย์นั้นกำเนิดขึ้นมาภายหลัง

ห้วงน้ำแห่งอาเทเซียน

ในภายหลังกลินท์ได้ถูกเปิดเผยว่าเคยเป็นสมุนของเอลเดอดราก้อนคราลคาทอริค มังกรคริสตัล และองค์กรเดอมานด์ยังเชื่อว่าฟอก็อทเทน ก็อยู่ในเหตุการณ์ การตื่นขึ้นครั้งสุดท้ายของเอลเดอดราก้อนเมื่อ1หมื่นปีที่แล้วด้วย(มีหลักฐานเป็นแผ่นศิลาจารึกของเมอสาท)
หลักฐานที่ถูกค้นพบถึงการมีอยู่ของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดนั้นถูกค้นพบในทวีปทางตอนเหนือในปี 205 B.E. แม้ว่ามนุษย์นั้นจะเป็นที่รู้จักในนครแคนธาตั้งแต่ปี 786 B.E. แล้วก็ตาม ครั้งแรกที่เทพได้ออกมาจากห้วงมิติแห่งหมอก(The Mists) เพื่อมายังทีเรียนั้น ได้ออกมาที่ห้วงน้ำแห่งอาเทเซียน(the Artesian Waters) สถานที่ๆมีพลังในการก้าวข้ามผ่านความจริงได้
โดยดเวย์นาเป็นเทพองค์แรกที่ออกมาและกล่าวว่า ทีเรียนั้นเป็นที่ๆเธอเลือก เทพที่ออกองค์ต่อมานั้นคือบาลธาซา เขาได้ถือหัวของพ่อเขาออกมาพร้อมกับสุนัขโลกันตร์ เทมาร์และเทกอน เมื่อออกมาเขาก็ได้จัดการ ชำระร้างแคว้น ออร์ (Orr) ด้วยเพลิงผลาญและอ้างว่าทีเรียนั้นเป็นดินแดนของมนุษย์ และเผ่าพันธ์อื่นๆนั้นต้องถูกกำจัดให้สิ้น
ในทางกลับกันนั้น เมอแลนดรูได้แย้งและเสนอว่าทุกเผ่าพันธ์ ควรจะอยู่กันแบบสงบสุข แต่ก็ถูกเหล่าเทพด้วยกันเมินคำค้าน เมอแลนดรูจึงปรับแปลงสภาพออร์ให้เขียวชอุ่ม และปกคลุมไปด้วยพืชพันธ์พฤกษาดอกไม้ทั่วแคว้น
ส่วนดูมนั้นไม่ได้ถูกกล่าวถึงในช่วงต้นๆของบันทึก รู้แค่เพียงการมีอยู่ของดูม ก่อนที่จะถูกแย่งตำแหน่งโดยเกร็นธ

รูปสลักของเทพธิดาแห่งธรรมชาติ Melandru


เหล่าทวยเทพนั้นได้ร่วมกันสร้างเมืองอาราห์ขึ้นมา และได้รวบรวมวัตถุแห่งพลัง(artifacts of power)ที่อยู่ทั่วทีเรียมายังเมืองแห่งนี้ รวมถึงบลัดสโตนและกล้องมิสติก(The Mystic Telescope) ซึ่งผู้ที่จัดการในการรวบรวมและเก็บรักษา วัตถุพวกนี้ให้ปลอดภัยคืออแบดดอน เขาได้รวบรวมมันไว้ใน Siren's Landing
เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เหล่าทวยเทพนั้นได้ตระหนักและรับรู้ถึงการจำศีลของเอลเดอดราก้อนผู้คานสมดุลแห่งเวทมนต์ในโลกทีเรียแห่งนี้ เหล่าเทพจึงได้ศึกษาข้อมูลของพลังอำนาจของพวกมัน ข้อมูลได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์ ซึ่งรู้จักกันในภายหลังนั่นคือ คัมภีร์แห่งเบญจเทวาที่แท้จริง(Scroll of the Five True Gods)

ในตอนนั้นเหล่าทวยเทพอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ในแค้วนออร์ และได้ร่วมงานกับผู้นำของมนุษย์ โดริค, โดริคนั้นเป็นมนุษย์คนแรกที่คุกเข่าแทบเท้าดเวย์นา เขาได้ขอร้องอ้อนวอนดเวย์นาให้ช่วยหยุดสงครามที่ทำร้ายผู้คนของเขา เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้รับการบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ของดเวย์นา(Scriptures of Dwayna)
ซึ่งในภายหลังนั้นโดริคได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปฐมกษัตริย์แห่งทีเรีย

ด้วยบารมีอันเจิดจรัสของเหล่าทวยเทพนั้นเจิดจ้าเกินไป ทำให้มนุษย์จำนวนมากตาบอด เหล่าเทพรับรู้ถึงปัญหานี้แต่ก็ยังอยากให้มนุษย์รู้จักกับเทพของตน จึงได้หาทางออกโดยการสร้างรูปสลักของเทพ ดเวย์นาจึงเรียก มัลชอร์(Malchor) ช่างทำรูปสลักที่เลื่องชื่อของมนุษย์มา ประวัติเพิ่มเติมมีคนแปลไว้แล้ว สามารถอ่านได้ที่นี่

รูปสลักของเทพแห่งความตาย Grenth

ในขณะเดียวกันนั้น เกร็นธก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา ทำให้เขากลายเป็นเทพองค์แรกที่ถือกำเนิดบนแผ่นดินทีเรีย เกร็นธและรีปเปอร์ทั้ง7(หรือรีปเปอแห่งเกร็นธ เป็นนักสู้ที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ต่อสู้เคียงข้างเกร็นธจนปราบดูมลงได้ และทั้ง7ก็ได้รับประทานพรจากเกร็นธให้เป็นเทพปกครองในยมโลก) เมื่อปราบดูมลงได้ เกร็นธได้คุมขังดูมในยมโลกและขึ้นมาครองตำแหน่งเทพแทนดูม

เทพแห่งความตายองค์ก่อน Dhuum

การอพยพของเหล่าทวยเทพ (Exodus of Gods)

เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว เทพอแบดดอนนั้นได้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างห้วงมิติแห่งหมอก(The Mists)และโลก [จากผู้เขียน : หากใครเคยดูเรื่อง Thor อแบดดอนเป็นเหมือนเฮมดัลที่สร้างและควบคุมสะพานไบฟรอส] ในตอนนั้นเหล่าทวยเทพก็ได้ให้พลังเวทมนต์เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ทีละเล็กละน้อยมาตลอด และเมื่อเหล่าเทพได้ตัดสินใจที่จะมอบเวทมนต์ให้กับทุกเผ่าพันธ์ในโลก อแบดดอนเป็นหนึ่งในเทพที่รับหน้าที่จัดการในการมอบพลังที่มีลักษณะเฉพาะให้แต่กลุ่มแต่ละเผ่าพันธ์ที่เขาเห็นว่าสมควรได้รับในพลังนั้นๆแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ตามอแบดดอนมอบพลังโดยไม่คำนึงถึงสมดุลของพลัง จนเผ่าพันธ์ที่ได้รับพลังเวทมนต์มาเริ่มที่จะใช้เวทมนต์ในการทำสงครามกับเผ่าพันธ์อื่นๆ

ปฐมกษัตริย์ Doric ขอร้องวิงวอนต่อพระเจ้า

เมื่อปฐมกษัตริย์โดริคนั้นเห็นถึงชะตากรรมที่ย่ำแย่เพราะพลังเวทมนต์ของผู้คน เขาจึงเดินทางไปยังเมืองอาราห์และวิงวอนให้เหล่าทวยเทพนั้นนำพลังเวทมนต์กลับคืนไป เหล่าเทพนั้นยอมรับคำวิงวอนของโดริค และได้ทำการเก็บรวบรวบพลังเวทมนต์ทั้งหมดในโลก และผนึกมันไว้ในบลัดสโตน แบ่งออกเป็นห้าส่วน  แต่พลังเวทมนต์ไม่ได้หมดไปจากโลก เพียงแค่พลังของมันไม่ร้ายแรงมากเหมือนก่อนถูกผนึก

มีเทพอยู่องค์หนึ่งที่โกรธและไม่เห็นด้วยอย่างมากในการแบ่งและลดพลังของเวทมนต์ลง แล้วค้านต่อเหล่าเทพองค์อื่นๆ เทพองค์นั้นคืออแบดดอน แต่คำค้านของเขานั้นไม่เป็นผล จึงทำให้หลังจากนั้น อแบดดอนออกจากกลุ่มเทพจากหกเหลือเพียงห้าองค์ แต่เขาก็ยังมีพลังของเทพและยังดำรงตำแหน่งเทพแห่งวารีและภูมิปัญญาเหมือนเดิม

เทพ Abaddon

และข่าวนี้ก็ได้ไปถึงหูเหล่าสาวกของอแบดดอน นั่นก็คือชาวมาร์กอไนท์(Margonite) ที่อาศัยอยู่ในทะเลคริสตัล(Crystal Sea ที่ภายหลังกลายเป็น Crystal Desert) และในทะเลแคลชชิ่ง(Clashing Sea) ในตอนนั้นทะเลทั้งสองเป็นท้องทะเลที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ ทะเลทั้งสองนั้นอยู่ระหว่างทวีปทีเรียและทวีปอีโลนา เมื่อเหล่าสาวกของอแบดดอนทราบข่าวการนำพลังเวทมนต์กลับคืน พวกเขาได้ล่องเรือไปถล่มวิหารแห่งเทพทั้งหกที่ตั้งอยู่ทางอ่าวตอนเหนือของอีโลนา พวกเขาเข่นฆ่านักบวช ทำลายแท่นบูชาและรูปสลักของเทพองค์อื่น
และได้พยายามขึ้นไปยังวิหารสวรรค์ที่เหล่าเทพอาศัยอยู่ โดยล่องเรือไปยังหอคอยที่เชื่อมไปถึงที่อยู่ของพวกเทพ ในการกระทำอันทารุณ โหดร้าย ดูหมิ่่นเหยียดหยามต่อองค์เทพขนาดนี้ทำให้ เผ่าฟอก็อทเทนพิโรธโกรธกริ้วชาวมาร์กอไนท์อย่างมาก จึงได้ออกเรือไปหยุดยั้งพวกเหล่าสาวกผู้จองหองนี้ ทำให้กลายเป็นสงครามในทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์

รูปสลักของเผ่าพันธ์โบราณ Forgotten

ในสงครามระหว่างชาวมาร์กอไนท์และเผ่าฟอก็อทเทน ด้วยเวทมนต์ที่ถูกลดพลังลง และเทคโนโลยีทางการทหารของมนุษย์ในตอนนั้น ไม่สามารถทำอะไรเผ่าฟอก็อทเทนได้เลย ทำให้ผู้นำของชาวมาร์กอไนท์ อาร์มาดา ถูกสังหาร และผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก มีเพียงชาวมาร์กอไนท์เพียงคนเดียวที่อยู่รอด เจดู เขาได้สวดมนต์อ้อนวอนขอความช่วยเหลือต่อเทพอแบดดอนที่เขานับถือ สวดมนต์อ้อนวอนต่อเทพเท่าไหร่ก็มีแค่เพียงความเงียบงันท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ ไม่มีสัญญาของเทพที่เขานับถือ แต่แล้วอแบดดอนก็ได้ตอบรับต่อคำสวดวิงวอนของเขา
จู่ๆก็เกิดห้วงน้ำวนขนาดมหึมาใต้กองเรือของพวกฟอก็อทเทน พายุซัดโหมกระหน่ำราวกับจะฉีกท้องฟ้าออกเป็นชิ้นๆ และความมืดมิดที่พร้อมจะกลืนกินทุกอย่างปกคลุมไปทั่วกองเรือของฟอก็อทเทน หลังความมืดนั้นไปพัดผ่านหายไป ไม่มีสัญญาณของชีวิตใดๆหลงเหลืออยู่ เว้นเสียแต่หนึ่งชีวิต นั่นก็คือเจดู เขาได้กลายเป็นผู้รับใช้แห่งอแบดดอนคนแรก เป็นชาวมาร์กอไนท์คนแรกที่ถูกเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นปีศาจ

เหล่าสาวก Margonite


ในตอนนั้นความโกรธและความเกลียดชังได้ครอบงำอแบดดอนอย่างสมบูรณ์ เขาได้แผดเสียงคำรามแห่งความพยาบาท ประกาศสงครามต่อเหล่าทวยเทพ เปลี่ยนผืนแผ่นดินทีเรียให้กลายเป็นอาณาเขตของเทพ และตั้งตนเป็นพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว
ด้วยความที่อแบดดอนเป็นเทพที่ทรงพลังและอำนาจอย่างมาก เขาได้สร้างกองกำลังมาร์กอไนท์ของเขาที่ชื่อว่าฝูงชนแห่งความมืด (Horde of Darkness) ไปบุกโจมตีที่ประตูวิหารสวรรค์ แม้ว่าพลังของอแบดดอนจะมากเพียงไร แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพลังของเทพทั้งห้ารวมกันได้อยู่ดี เขาจึงถูกพลังของเทพซัดและร่วงหล่นลงมายังทะเลอย่างแรง จนทำให้ผืนทะเลนั้นกลายเป็นทะเลทราย
เหล่าเทพนั้นไม่อาจะทำใจที่จะสังหารอแบดดอนได้ จึงทำการคุมขังเขาไว้ในเขตแดนของอแบดดอนเอง เหมือนกับดูมที่ถูกคุมขังโดยเกร็นธ อแบดดอนและเหล่ากองทหารมาร์กอไนท์ก็ถูกพันธนาการโดยโซ่ที่บาลธาซาทำขึ้นมา และถูกควบคุมดูแลโดยผู้พิทักษ์ของฟอก็อทเทน
ในจุดที่ๆอแบดดอนได้ตกลงมานั้นภายหลังได้ชื่อว่า ปากแห่งความทุกข์ระทม (The Mouth of Torment) และเมืองโมราห์ได้ถูกสร้างขึ้นมาคร่อมปากแห่งนี้ไว้

Mouth of Torment อยู่ในเขต Ruptured Heart ในแผนที่ The Desolation ในเกม

ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าทวยเทพก็ได้จากโลกแห่งนี้ไป เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนาม การอพยพของเหล่าทวยเทพ(Exodus of Gods) และเป็นการเริ่มยุคใหม่ตามปฏิทินโมเวเลียน(จะกล่าวถึงในตอนต่อไป)

เหล่าทวยเทพที่เงียบงัน (Silence of the gods) 

ถึงแม้ว่าเหล่าเทพนั้นจะทิ้งโลกนี้ไป แต่ก็ยังคงใส่ใจ และให้ความช่วยเหลือแก่พวกมนุษย์อยู่บ้าง บางครั้งก็ช่วยพวกมนุษย์โดยการให้พร อย่างไรก็ตาม มนุษย์ผู้ที่ได้รับพลังของอแบดดอนมากที่สุดคือ โคเมีย การที่โคเมียนั้นได้รับพลังเทพของอแบดดอนมากจนทำให้เกิดความไม่สมดุลของเวทมนต์ในโลก ทำให้เอลเดอดราก้อน พรีโมดัส(Primodus) เริ่มตื่นจากการจำศีลอย่างช้าๆ

เหตุผลที่เหล่าพระเจ้านั้นทิ้งโลกนี้ไป เพราะตระหนักถึงการมีอยู่ของเอลเดอดราก้อน และได้ข้อสรุปว่าถ้าหากเกิดการปะทะระหว่างเอลเดอดราก้อนและเทพ พวกเขาอาจจะไม่ชนะในสงครามนั้น ถึงแม้ว่าชนะ แต่ทีเรียนั้นก็คงแตกออกเป็นเสี่ยงๆในการต่อสู้นั้นเป็นแน่
หลักฐานคือผลพวงที่ตามมาหลังการต่อสู้กับอแบดดอนนั้นเกิดความเสียหายอย่างมาก พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะทิ้งทีเรียไป และหลีกเลี่ยงการปะทะกับเอลเดอดราก้อนจะเป็นการดีที่สุด---ยกเว้นอยู่1องค์

รูปสลักของเทพแห่งสงครามและความขัดแย้ง Balthazar

บาลธาซาร์ เทพแห่งสงครามและความขัดแย้งปฏิเสธที่จะหันหลังให้กับทีเรียเพียงเพื่อจะหลีกเลี่ยงสงครามระหว่างเทพและเอลเดอดราก้อน ทั้งยังประกาศตนว่าจะสู้กับเหล่าเอลเดอดราก้อน แม้ว่าจะมี หรือไม่มีเทพองค์อื่นๆคอยช่วยก็ตาม และเขายังสาบานว่าจะตามลงโทษพวกเทพที่ทำตัวขี้ขลาดไม่กล้าที่จะสู้กับพวกเอลเดอดราก้อนอีกด้วย
แต่ก่อนที่บาลธาซาร์จะได้ทำอะไรแบบนั้น พวกเทพก็ได้จัดการคุมขังบาลธาซาร์และกำจัดพลังเทพของเขา บาลธาซาร์ถูกพันธนาการไว้ในห้วงมิติแห่งหมอกไว้ตลอดกาลในสภาพไร้พลังที่จะทำการใดๆก็ตาม

สาวกของโคเมียในทะเลทรายคริสตัล นักบวชโอโลโค ได้เห็นภาพนิมิตรจากองค์เทพโคเมียว่า เหล่าทวยเทพนั้นยังคงเสาะหาโลกแห่งใหม่ให้เหล่ามนุษยชาติที่ปราศจากภัยคุกคามอย่างเอลเดอดราก้อนในทีเรีย.

Summary 
รายชื่อของเหล่าเทพปัจจุบัน
ดเวย์นา (Dwayna) - เทพธิดาแห่งการรักษา ,วายุ,ความอบอุ่น,และชีวิต
เมอแลนดรู (Melandru) - เทพธิดาแห่งธรรมชาติ,ปฐพี,และการเติบโต
ลิซซ่า (Lyssa) - เทพธิดาฝาแฝด ลิซ(Lyss) และ อิลยา(Ilya) แห่งความงาม,วารี,และมายา
เกร็นธ (Grenth) - เทพแห่งความมืด,ความตาย,และน้ำแข็ง
โคเมีย(Komir) - เทพธิดาแห่งคำสอน,จิตวิญญาณ,และความจริง
บาลธาซา(Balthazar) - เทพแห่งสงคราม,อัคคี,และความกล้าหาญ

อดีตเทพ
อแบดดอน(Abaddon) - เทพแห่งวารีและภูมิปัญญา (ถูกแทนที่โดย Komir)
ดูม(Dhuum) - เทพแห่งความตาย (ถูกแทนที่โดยเกร็นธ)

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม